(Review Movie) Unbroken (2014) ชีวิตอันน่าทึ่งของปู่ Louis Zamperini
(Review Movie) Unbroken (2014) ชีวิตอันน่าทึ่งของปู่ Louis Zamperini
Unbroken ชีวิตอันน่าทึ่งกับอุปสรรคนานัปการของปู่ Louis Zamperini ให้คะแนน 8/10 ...ต่อไปนี้เป็นรีวิวที่คิดว่าไม่ได้สปอยล์ละมั้ง...
หนังเรื่องนี้ ก่อนจะได้ดูตัวอย่างหนังก็พอทราบมาบ้างว่า มีมิยาบิเล่นด้วย ตอนนั้นก็คิดว่า เฮ้ย! ยังไงก็ต้องไปดู พอได้เห็น Trailer ตัวแรกเท่านั้นแหละ ตัดมิยาบิออกไปเลย เป็นหนังที่ไม่ว่าใครจะเล่นก็ต้องดู เพราะมันน่าทึ่งมาก สุดท้ายก็ได้ไปดู
ความรู้สึกที่ได้ดูในช่วงแรกๆ ตัวหนังที่ทำออกมา ทำได้เรื่อยๆเฉื่อยๆ เป็นการเล่าเรื่องชีวิตของปู่ Louis Zamperini แบบตัดสลับฉากปัจจุบันตอนอยู่ในสงครามแล้ว Flashback ไปยังฉากในอดีต สมัยที่เคยเป็นนักวิ่งโอลิมปิก แบบที่ยังไม่มีอะไรที่น่าหวือหวาและตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่นัก (แบบที่รู้อยู่แล้วว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไง หนังก็ทำออกมาแบบนั้น แบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นได้ต่ออีก-อารมณ์เหมือนสารคดี)
แต่พอดำเนินมาช่วงกลางเรื่องก็มีอะไรให้พอลุ้นได้บ้าง จากการที่ชีวิตของนักกีฬาโอลิมปิกชื่อดังต้องมาหักเห หนึ่งล่ะ ต้องมาใช้ชีวิตเท้งเต้งแบบที่ไม่รู้ว่าจะรอดเมื่อไหร่ และจะใช้ชีวิตยังไงให้รอด กับสอง ชีวิตที่ต้องถูกกักกันในค่ายเชลยของญี่ปุ่นกับบทชีวิตสุดโหด ส่วนหนึ่งก็ถ่ายทอดออกมาได้ให้เห็นและรับรู้ได้ถึงความยากลำบากที่ปู่แกเคยเผชิญ แต่อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกว่ามันยังดูเบาๆ ไม่แรงและไม่สมจริงเพียงพอที่จะดึงให้ความรู้สึกรันทดหดหู่ภายในจิตใจออกมาได้หมด (ยังน้ำตาไม่ไหลว่างั้น) แต่ก็พอจะรู้สึกได้นะว่าการใช้ชีวิตในค่ายเชลยนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ ถ้าผ่านพ้นมันมาได้ ก็ถือเป็นชัยชนะอย่างหนึ่งเลยทีเดียว (อย่างที่ตัวละครหนึ่งในเรื่องได้กล่าวเอาไว้) แต่สำหรับตัวเองแล้ว รู้สึกอินไปกับฉากที่ติดทะเลมากกว่า สงสัยเพราะมันเวิ้งว้างจนไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตรอดได้เลย (แต่ก็รอดมาได้นี่แหละน่าทึ่ง)
สิ่งที่ทึ่งอีกอย่างคือ ที่ Jack O'Connell ถ่ายทอดชีวิตออกมานี่จัดว่าเยี่ยมเลย (จำไม่ได้เลยว่าเคยเล่น 300 Rise of an empire ตอนนั้นดูเด็กมากกกก) ส่วนพี่มิยาบิของเรา ดูแล้วก็อดขำไม่ได้ ภาพที่พี่แกแสดงออกในตัวหนัง บอกตรงๆว่ามันมีกลิ่นอายของ Visual Kei ยังไงก็ไม่รู้ พยายามจะสลัดภาพเก่าที่เคยติดตาในอดีต (เอาแค่มาดนะไม่ใช่สมัยที่เคยแต่งหน้าแต่งตัวแบบ Dué le quartz) แต่มาดแกเป็นยังไงก็เป็นยังงั้น ถ้าจะให้ตีความของวาตานาเบะในหนังที่พี่แกถ่ายทอด มันดูออกมาเป็นคนแอบจิตหน่อยๆมากกว่าที่จะดูโหดหรือน่ากลัว (แต่ถ้าจะจิ้นวายก็อาจจะดูเป็นอารมณ์ที่โหดไป) และในความมือใหม่ถึงจะเล่นแบบแข็งทื่อก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ฮาาา หวังว่าจะมีงานอื่นให้เห็นอีกนะ ดูแล้วก็รู้สึกแปลกๆดี (แบบครั้งหนึ่งคนเคยคลั่งมาก (ไม่ได้ตามมานานแล้ว) ไปยืนอยู่บนเวทีระดับโลก ในวงการอื่น)
สรุปแล้ว ก็คิดว่าเป็นชีวประวัติของบุคคลสำคัญที่น่าสนใจคนหนึ่ง สิ่งที่น่าทึ่งก็คือเรื่องของเนื้อเรื่องนี่แหละ (คิดว่าในหนังสือคงสนุกกว่านี้) แต่ในเรื่องของการถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังยังถือว่าเรื่อยๆก็พอดูได้ แต่ก็ไม่ได้แย่นะเป็นหนังระดับบนๆที่จัดว่าใช้ได้เลย แต่ก็ยังไม่สามารถฉุดอารมณ์ให้สั่นคลอนได้เท่าไหร่นักในระหว่างที่กำลังดู (ซึ่งเรื่องที่ทำแบบนั้นได้ของหนังในปีนี้ที่เราได้ดูก็มีแค่ Imitation Game กับ American Sniper) มาฉุดเอาจริงๆก็ตอนจบเรื่อง ตอนที่ฉายชีวประวัติปู่ Louis Zamperini น่ะแหละ เอาเถอะ ไปดูก็คุ้มอยู่นะ
Credit: IMDB
Comments
© Masoul's BLOG. All Rights Reserved. Designed by HTML Codex