It's not a time

Image

It's not a time

2007-12-22 20:08:06

article-fic

มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่ผมต้องบอกคำสำคัญ ทั้งที่เขาอยากฟังคำนั้นมากกว่าสิ่งใด มันยังไม่ถึงเวลา...

"โทระ วันนี้วันอะไร จำได้มั้ย~"
"หือ? วันพุธ"
"วันพุธที่อะไร~ เดือนอะไร ปีอะไร"
"หือ? พุธที่ 20 ธันวาคม 2007 ทำไมเหรอ?"
"จำไม่ได้เหรอ?"
"อ่ะ...อ๋อ...อืม จำได้สิ"

ผมพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มแบบเดิมไปให้เขา ร่างเล็กที่ตอบรับรอยยิ้มนั้นกลับมาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขเหมือนทุกครั้งมันทำให้ผมใจชื้นจนไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ถ้าหากได้เฝ้ามองใบหน้านั้นไปตลอดได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดเวลาผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วจริงๆ

ร่างคุ้นเคยยืนคร่อมอยู่ ณ ตรงหน้าที่ผมนั่งก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาจุมพิศหน้าผากผมไว้ด้วยริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอย่างแผ่วเบา...

"บอกรักฉันหน่อยสิ แล้วฉันจะให้ของสำคัญ"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นเหมือนทุกครั้งที่อ้อนขอให้ผมบอกคำๆนั้น หากแต่ไม่เคยเลยซักครั้งที่ผมจะยอมพูดออกไป ต่อให้วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปีที่เราคบกันก็ตาม
"ไม่เอาน่า ฮิโรโตะ ฉันก็มีให้นายเหมือนกันนะ"ผมเลี่ยง แล้วทำทีล้วงอะไรบางอย่างในกระเป๋าที่เตรียมไว้เมื่อหลายวันก่อนแล้ว แต่ทำฟอร์มลืมไปอย่างนั้นแหละ
"ไม่บอกอีกแล้วเหรอ"น้ำเสียงฟังดูตัดพ้อแม้ว่าสายตาจะยังคงเล้าโลมให้ผมคล้อยตาม แต่รอยยิ้มของผมก็ยังมุ่งมั่นบอกกับตัวเองว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต้องบอกออกไป...มันไม่สำคัญมากไปกว่าการที่ผมรักเขาอยู่จริงๆตอนนี้เสียหน่อย
"หลับตาสิ แล้วจะให้"ผมกำของสิ่งนั้นไว้ในมือ พร้อมกับยื่นมันไปทางเขา ใบหน้าของเขาที่อยู่เลยห่างไปไม่กี่เซ็นมันทำให้ผมใจเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
"ไม่เอาละ ฉันลืมไปว่า วันนี้มีนัดสำคัญ"ทันใด ร่างเล็กที่ยืนคร่อมผมที่นั่งอยู่ก็ละจากไป พร้อมกับถอนลมหายใจอย่างที่ผมพอจะเดาได้ว่ามันน่าเบื่อหน่ายเอามากๆเลย แผ่นหลังที่เดินจากไปช้าๆนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่า นัดสำคัญนั้น สำคัญไปกว่าการที่ได้อยู่กับวันครบรอบ 1 ปีของเราอีกงั้นเหรอ?

หลังจากที่ฮิโรโตะ หนุ่มร่างเล็กมือกีต้าร์ประจำวงตำแหน่งเดียวกับผมได้เดินลับหายไปในห้องเพียงซักพักก็เดินออกมาพร้อมกับกีต้าร์ตัวโปรดของเขาที่ผมเคยซื้อให้เมื่อต้นปี ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปโดยไม่หันมามองผมเลยแม้แต่นิดเดียว

"ฮิโรโตะ"
"อะไร?"
"ไปไหน?"
"ไปไหนก็ได้ ที่มีคนบอกรักฉัน"
"นี่ อย่าคิดว่าใช้วิธีนี้แล้วจะได้ผลนะ"
"แล้วไง"

นั่นน่ะสินะ...แล้วมันยังไงกันล่ะ? ทำไมผมถึงไม่พูดออกไปเสียล่ะ มันง่ายยิ่งกว่าการช่วยฮิโรโตะถอดเสื้อผ้าตอนมีอะไรกันเสียกว่าไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงได้หนักปากแล้วพูดอะไรไม่ออกทุกครั้งที่มองหน้าเขา รัก...คำนั้นมันติดอยู่ในใจ แต่มันก็พูดออกไปไม่ได้เสียที

หนึ่งปีที่เราคบกันมา ความหมายของเขาคือคำว่ารัก ความหมายของผมคืออะไร?

จวบจนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน แม้ว่าผมจะยังยืนหยัดกับความคิดของตัวเองที่จะไม่ตามเขาออกไปมันก็อดห่วงหาไม่ได้ เขาจะออกไปหาใครที่ไหนให้บอกรัก โชงั้นเหรอ? หนุ่มนักร้องนำเพื่อนสนิทของผมที่กำลังสับสนว่าตัวเองควรจะเดินทางไหนดี ยังไม่แน่ใจตัวเองขนาดนั้นก็คงจะช่วยบอกรักฮิโรโตะไม่ได้หรอก หรือจะเป็นซางะหนุ่มมือเบสร้อนแรงที่แฝงไปด้วยปริศนา ตอนนี้คงกำลังเมาอาละวาดอยู่ที่ไหนซักแห่งแล้วให้นาโอะ หัวหน้าวงมือกลองของเราตามไปเช็ดอ้วกอยู่ละมั้ง

จะอย่างไรก็ช่างเถอะ ที่นี่เป็นบ้านของผมกับเขา ยังไงเขาก็ต้องกลับมา...

จนแล้วจนเล่า เสียงนาฬิกาตีดังจนครบรอบผ่านพ้นเข้าสู่ช่วงวันใหม่ ดวงตาของผมเริ่มปรือลงราวกับคนง่วง...ใช่แล้วก็ง่วงจริงๆนั่นแหละแต่ว่ายังหลับไม่ได้ตราบใดที่ฮิโรโตะยังไม่กลับมา เขาเคยใช้วิธีนี้กับผมและแน่นอนว่ามันไม่สำเร็จ สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องกลับมานอนที่บ้านเหมือนเดิมอยู่ดี และวันนี้มันก็อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้...

จนกระทั่งทุกอย่างมันผ่านล่วงเลย สิ่งที่เคยได้ยินทุกวันหวนกลับเข้ามาในโสตประสาทยามเช้าอีกครั้ง เสียงไก่ขันของนาฬิกาปลุกที่ฮิโรโตะซื้อไว้มันดังขึ้น หากแต่ไม่มีคนไปกดปิดมันเหมือนทุกวัน ผมลืมตามองที่ว่างข้างๆมันยังคงโปร่งโล่ง ไร้ซึ่งเรือนร่างที่คุ้นเคย จนตอนนี้ฮิโรโตะก็ยังไม่กลับมา

"ไปไหนของเค้าเนี่ย"

ผมรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง ความห่วงใยเริ่มทวีคูณจนแทบจะทะลุออกมาจากหัวใจ ผมทำเพียงล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะแต่งตัวแล้วเดินออกไปจากบ้านทันทีโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เรียวนิ้วกดปุ่มด้วยความเคยชินไปยังคู่สายที่คุ้นเคย ทว่ากลับได้รับสัญญาณที่แปลกหู หากแต่สัญญาณใจของผมมันยังเดินหน้าตามหาคนรักร่างเล็กของตัวเองต่อไป

"นี่ เห็นฮิโรโตะมั้ย?"ผมเอ่ยถามปลายสาย ในขณะที่เท้าก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆ
"ม่ายเห็น อาไร ทะเลาะกานเหรอ?"เสียงแปล่งของนักร้องนำยามเพิ่งตื่นตอบกลับยานคางชวนให้ผมอารมณ์เสียไม่น้อย
"เปล่า แค่นี้นะ"

"นี่ เห็นฮิโรโตะมั้ย?"
"เอ่อ...ฉันกำลังจะโทรบอกนายพอดี"
"อะไรนะ? ทำไม? ว่าไง? ฮิโรโตะอยู่ไหน"ผมรีบตอบกลับไปด้วยความกระวนกระวาย คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกโทรหาหัวหน้าวงคนนี้
"คือ...เอ่อ..."
"มีอะไรก็ว่ามาซี่!!"ความร้อนรนปนความห่วงใยทำให้ผมเผลอตวาดหัวหน้าวงไปด้วยความลืมตัว
"ฮิโรโตะโดน...เอ่อ...คนร้าย..."
"รีบๆพูดมาซี่!!!!!!!!"ผมตะคอกใส่โทรศัพท์อย่างบ้าคลั่ง คีย์เวิร์ดที่ได้ยินมามันทำให้หัวใจเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำไมกันนะถึงได้รู้สึกว่าทุกอย่างมันเลวร้ายเสียจนไม่อยากฟังอะไรอีกทั้งๆที่ผมกำลังเร่งเร้าให้หัวหน้าวงนั้นพูดต่อออกมา...
"ฮิโรโตะโดนคนร้ายแทงแล้วชิงทรัพย์ ตอนนี้อาการสาหัสอยู่ที่โรงพยาบาลxxx"นาโอะว่ารัวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังร้องไห้อยู่ อันที่จริงมันต้องเป็นผมไม่ใช่หรือไงที่ต้องร้องไห้...

น้ำตาไม่มีจะไหล ความโศกเศร้าและความเสียใจทวีคูณสูงขึ้นเป็นเท่าตัว หากแต่ความรู้สึกผิดมันแทรกแซงผ่านเข้ามาให้ผมไม่กล้าเผชิญหน้าสู่โลกความเป็นจริง เรียวขายังคงก้าววิ่งออกไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยโถมทับให้คำว่า สายเกินไป ตอกย้ำให้จิตใจของผมมันยิ่งบอบช้ำ

ถ้าหากว่าจะบอกรักตอนนี้มันคงไม่สายไปใช่ไหม...

"ฮิโรโตะ!!!!!!!!!!!"
"เข้าไปไม่ได้ หมอเค้าดูอาการอยู่"นาโอะโถมร่างทั้งร่างเข้ามาห้ามผมที่พยายามจะพังประตูห้อง ICU เข้าไป
"เขาจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย นาโอะ ซางะ เขา...จะต้อง..."ผมพูดอย่างมีความหวัง แม้ว่าวินาทีแรกที่ได้มาถึงโรงพยาบาลนี้และพบเจอทั้งนาโอะ และซางะรออยู่เนื้อตัวนาโอะนั้นเปื้อนไปด้วยคราบเลือดที่ทำให้ผมใจหายจนแทบอยากทรุดนั่งเสียตรงนั้น หากแต่ความต้องการอยากเจอฮิโรโตะมันก็มากพอกัน แม้ว่าร่างของเขาตอนนี้มันจะบอบช้ำไปบ้างแล้วจากฝีมือไอ้คนต่ำทรามที่ซักวันผมจะต้องไปเอาเรื่องมันให้ได้ถึงชีวิต

"เขาจะต้องไม่..."ซางะที่เอื้อนเอ่ยค้าง ราวกับจะให้กำลังใจผมก็ต้องหยุดนิ่งไปเมื่อเห็นว่าประตูห้อง ICU มันเปิดออกมา สีหน้าของผู้ชายหน้าตาใจดีมันดูแย่พอๆกับความรู้สึกของผมตอนนี้ ก่อนริมฝีปากนั้นจะเอื้อนเอ่ยคำตัดสินชีวิตของผม

"หมอเสียใจด้วยนะครับ..."

"ไม่จริง..."
"โทระ..."

"ไม่จริง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

ร่างใหญ่ของผมโถมประตูห้อง icu เข้าไปอย่างไม่คิดชีวิต วินาทีสุดท้ายขอให้ผมได้เห็นใบหน้าของเขาก่อนเขาจะจากไปได้ไหม ขอให้ลมหายใจของเขายังอยู่แล้วทำให้เขารับรู้ถึงสิ่งที่ผมต้องการจะบอกเขาตอนนี้ทีได้ไหม

ได้โปรด

"ฮิโรโตะ!! ฉันรักนาย!!!"น้ำเสียงสั่นเครือเอื้อนเอ่ยไปอย่างเสียงดังกังวารด้วยความมั่นใจอย่างที่ไม่ต้องการสิ่งใดมายืนยัน ความอายหรืออะไรต่างๆที่เคยฉุดรั้งให้ผมไม่เอ่ยคำนั้นมันไม่มีหลงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว มันอาจจะอันตรธานหายไปพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของคนที่ผมรัก และผมก็เพิ่งได้รู้ทุกอย่างตอนนี้ ว่าคำบอกรักของผม...มันสายไป...

ต่อให้เขาอยากฟังมันแค่ไหนก็คงไม่ได้ยินมันอีกต่อไปแล้ว

"ฮิโรโตะ ฉันรักนาย ฟื้นขึ้นมาซี่ ฮิโรโตะ ฉันรักนาย...ฮึก..."ผมโอบกอดเรือนร่างที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าขาวเปื้อนเลือดนั้นอย่างไม่หวั่นกลัว คำพูดที่เอื้อนเอ่ยแม้จะอ่อนแรงและไร้ประโยชน์แต่ผมก็หยุดที่จะพูดออกไปไม่ได้

"ฉันรักนาย"

"อื้ม ได้ยินแล้ว"

"ห่ะ..........................."เสียงสะอื้นของผมหยุดชะงัก แล้วค่อยๆละกายออกจากเรือนร่างที่ไร้ลมหายใจ สายตาสอดส่องมองไปด้วยความงุนงงไม่น้อย ความหวังครั้งสุดท้ายว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ ผมรีบเปิดผ้าคลุมสีขาวนั้นทันที

"แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

"โทระ!!!"สองเสียงตะโกนร้องพร้อมกับเข้ามาประคองร่างของผมที่กำลังทรุดตัวลงนั่งกองกับพื้นช้าๆ ผมค่อยๆหันหน้ามามองเพื่อนรักสองคนที่บัดนี้ไหงมีรอยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยอยู่ล่ะ

"ถ้าฉันไม่ตาย นายจะบอกรักฉันมั้ยนะ"
"นี่มันอะไรกัน!!!!!!!!!!!!!"ผมกรีดร้องขึ้นสุดเสียง ดวงตาเล็กหยีเบิกโพลงสุดชีวิตมองไปยังร่างเล็กที่เดินมาจากไหนไม่รู้ ด้วยใบหน้าแสยะยิ้มราวกับมีชัย อีกอย่าง...เนื้อตัวก็ยังอยู่ครบ 32 ประการอีกทั้งยังดูสบายดี แล้วผีที่ผมไปกอดร้องไห้คร่ำครวญเมื่อกี้มันเป็นใคร!!!!!!

"นี่ ฉันเป็นห่วงนายนะ ฉันจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว ทำไมเล่นแบบนี้มันไม่ดี..."
"จะรอให้ฉันตายก่อนใช่มั้ย ค่อยบอกรักฉัน"เขาพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่หวั่นกลัว
"มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ...ฮิโรโตะ"น้ำเสียงของผมแน่นิ่งลงอย่างยอมแพ้ เขาทำถึงขนาดนี้เพียงเพื่อให้ผมได้ปริปากคำพูดที่ผมพูดมันออกไปได้ยากที่สุดในชีวิต ทำถึงขนาดนี้...

"ก็บอกแล้วไง...ฉันรักนาย"ผมเอ่ยมันไปอีกครั้ง แม้ว่าจะรู้สึกลำบากอยู่เล็กน้อยแต่มันก็ดีกว่าที่เขาจะหายไปต่อหน้าผมเสียจริงๆ
"อืม ฉันยังไม่ตาย"ใบหน้าร่างเล็กเผยยิ้มขึ้นมาอย่างชัยชนะ และผมก็คงต้องยอมแพ้ให้กับความมุ่งมั่นของเขาเสียโดยดี

พวกเรารีบชิ่งออกมาจากห้อง icu นั้นก่อนที่ยามของโรงพยาบาลจะมาจับพวกเราโยนออกไปเพราะทำเสียงดังโวยวาย โดยที่ได้แยกกับนาโอะและซางะที่หน้าโรงพยาบาล โดยที่ผมนั้นได้แยกเขี้ยวใส่ไปให้ทั้งสองอย่างรู้สึกแค้นเคืองไม่น้อยที่ถูกหลอกเสียจนเชื่อซะสนิทใจ แล้วเดินแยกมากับฮิโรโตะ

"แล้วกีต้าร์นายล่ะ?"
"อันที่จริง ฉันโดนคนร้ายทำร้ายชิงกีต้าร์ไปจริงๆนั่นแหละ"
"เอ๋?"
"แต่ไม่กล้าบอกนาย ก็เลยโทรบอกนาโอะ แล้วพอดีว่าไม่สบายใจเรื่องนายอยู่ด้วยเหมือนกันก็เลย ให้นาโอะช่วยทำแผนนี้ให้"
"เอ่อ..."
"ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง ฉันยังไม่ได้ให้เลย...นี่ ของขวัญวันครบรอบ 1 ปีที่เราอยู่ด้วยกัน"ร่างเล็กยื่นของชิ้นเล็กๆที่มันดูคุ้นตาเสียจนผมเบิกตาโพลง ก่อนจะรับมาวางไว้บนมือแล้วคลี่ยิ้มน้อยๆด้วยความตื้นตัน
"เอ่อคือ...นี่ของฉัน"ผมล้วงเอาของที่เตรียมไว้ว่าจะให้เมื่อวานนี้ไปให้ฮิโรโตะบ้าง และมันน่าอัศจรรย์ตรงที่ของขวัญของเราสองคนมันเหมือนกัน
"ว้าววว"ฮิโรโตะร้องขึ้นมาด้วยความประหลาดใจไปไม่แพ้กับผม ปิ๊กกีต้าร์สีชมพูที่สลักเป็นชื่อของเราสองคนมันเหมือนกันโดยบังเอิญ
"เราไปซื้อกีต้าร์ใหม่กันดีกว่านะ"ผมจับมือเขาแล้วก้าวเดินต่อไปด้วยกัน...

"ฉัน...เอ่อ..."
"อื้อ ฉันรักนาย โทระ"ฮิโรโตะชิ่งพูดตัดหน้าผมเสียอย่างนั้น คำพูดง่ายๆที่มันมองออกกันได้ด้วยการกระทำ หากแต่ทำไมมันถึงได้ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกินกว่าที่ผมจะกลั่นกรองออกมาเป็นน้ำเสียงแล้วเอ่ยบอกเขาไป ผมไม่รู้ว่าจะได้บอกเขาไปอีกครั้งเมื่อไหร่ คงไม่ใช่วันที่ต้องสูญเสียเขาไปจริงๆหรอกนะ...

ก็มันยังไม่ถึงเวลา...

Masaya: 23/12/07

Comments

© Masoul's BLOG. All Rights Reserved. Designed by HTML Codex