Cassis บทเพลงแห่งโชคชะตา -3-

Image

Cassis บทเพลงแห่งโชคชะตา -3-

2017-09-27 01:08:20

article-fic

"เพราะดีเนอะ"ไคหันกลับมา แล้วก้มหน้ากินต่อ แต่เมื่อเห็นว่ามือของเขามันนิ่ง ค้าง เลยเงยหน้าขึ้นมอง
"เรย์ตะ"เขาเรียกเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าสุดแสนจะตื่นตะลึง บวกกับเหม่อลอยของเขา
"ห่ะ หา?"เขารีบทวงสติกลับคืน
"เป็นอะไรไป?"
"อ่ะ เปล่าๆ"เขาก้มหน้ากินต่อ พยายามไม่สนใจเสียงนั้น ราวกับเป็นแค่เสียงบ่นเพ้อฝันไร้สาระ

"อิ่มแล้วใช่มั้ย"ไคถามขึ้น เมื่อเห็นเรย์ตะนั่งนิ่ง อันที่จริงเขาก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังฟังเพลงที่รุกิร้องอยู่
"อื้ม"

พวกเขาเดินออกไปจากร้าน แต่เป็นเรย์ตะเองที่รู้สึกค้างคาอะไรบางอย่าง เขาไม่รู้ว่ารุกิที่อยู่บนเวทีจะเห็นเขาไหมแล้วจะจำเขาได้รึเปล่า แต่ถึงเห็นและจะจำได้หรือไม่ได้ มันก็ไม่เกี่ยวกับเขานี่หน่า
"เออ เดี๋ยวนะ ไค รอที่รถเลยนะ ฉันปวดฉี่"แต่แล้วเขาก็บอกไคออกไปอย่างนั้น
"จ้า"

เขาเดินกลับเข้าไปที่ร้าน แต่พบว่ารุกิไม่ได้อยู่บนเวทีแล้ว ไปไหนแล้วนะ หรือว่าหมดหน้าที่ร้องเพลงแล้ว แต่ว่าเขาจะมองหาไปทำไมกันล่ะ เป็นตัวเขาเองไม่ใช่เหรอ ที่บอกกับรุกิไปว่า จะไม่ได้เจอกันอีก ถ้ารุกิรู้ว่าเขาเป็นฝ่ายตามหาซะเอง ก็คงเสียฟอร์มแย่ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเดินออกจากร้านไป ไปยังที่จอดรถที่ไครออยู่

"เรย์ตะ เร็วเข้า เรย์ตะ!!!"ไคหันมาโวยวายเรียกเขา เมื่อเขากำลังเดินกลับไป ได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งไปอย่างร้อนรน
"เกิดอะไรขึ้น"เขาถามอย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นไคยืนหน้าซีดอยู่ตรงลานจอดรถ ใกล้ๆกับถังขยะ
"ค..คนนั้น"ไคชี้ไปที่กองขยะนั้น มีคนกำลังนอนกระอั่กกระอ่วนอยู่ตรงนั้น
"ฉะ ฉันเห็นเขาโดนซ้อม ต..แต่ฉันกลัว ไม่กล้าเข้าไปช่วย นายช่วยเขาหน่อยนะ"ไคคะยั้นคะยอ เจอจนได้ แต่...นี่เขาต้องช่วยรุกิอีกครั้งเหรอเนี่ย ทำไมเจ้าหมอนี่มันมีแต่เรื่องนะ

เขาเข้าไปพยุงรุกิ แต่เมื่อเห็นว่าตัวเบา เขาจึงจับอุ้มประคองสองมือไว้ แล้วเดินตามไคไปที่รถ ก่อนจะรีบบึ่งกลับบ้านทันที

"ตอนฉันกำลังจะเดินไปที่รถ เขาก็ถูกหิ้วออกมาจากหลังร้าน ก่อนจะโดนซ้อมแล้วก็สลบไปเลยนี่แหละ"ไคเล่าให้ฟัง ขณะที่กำลังประคบน้ำแข็ง ยาดม ยาลม ยาหม่อง ยาสารพัดให้รุกิ
"เขาเป็นนักร้องให้ที่นั่นไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงโดนซ้อมซะนะ"
"อื้อ นั่นสิ ฉันก็สงสัยเหมือนกัน ทั้งที่เขาร้องเพลงเพราะมากๆเลย"ไคมองอย่างรู้สึกเวทนา ทันใด รุกิก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา

"อ่ะ...เอ่อ..."รุกิขยับปากได้เพียงนิด เพราะรู้สึกเจ็บ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบเพื่อบรรเทา
"นายนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้"ไคยิ้มกว้าง แล้วหยิบยากับสำลีขึ้นมา
"เอ่อ..."รุกิหันไปเห็นเรย์ตะที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ก็พูดอะไรไมได้ เพราะเจ็บแผลที่ปากมาก แต่เขานั้นกลับทำทีไม่รู้ไม่ชี้ และตีหน้านิ่งเฉย
"ฉันชื่อไคนะ ส่วนนี่ชื่อเรย์ตะ เราไปเห็นนายโดนซ้อมนอนแอ้งแม้งน่ะ คงไม่เป็นไรนะที่เราพานายมาที่บ้านเรา"ไคว่าอย่างใจดี แต่เรย์ตะกลับสะดุ้งรู้สึกเสียฟอร์มนิดๆ เขารู้สึกเหมือนรุกิแอบอมยิ้ม เมื่อมองมาที่เขา จำเขาได้รึเปล่านะ?

เมื่อทำแผลเสร็จแล้ว รุกิก็ลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ยังพูดอะไรไม่ได้มาก รุกิก้มหัวให้กับทั้งสองเป็นการขอบคุณ และไคก็ยิ้มรับอย่างอ่อนโยน ส่วนเรย์ตะนั้นกลับเมินหน้าหนีไปทางอื่น
"ฉันไปอาบน้ำก่อนนะไค"เขาทำทีเลี่ยง
"อ๊ะ อืม"ไครับคำ
"อยู่ที่นี่ก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวหายดีแล้วค่อยกลับ พวกฉันไปส่งเอง"
"คุณใจดีจัง อ้อยย.."รุกิพยายามพูด แต่ก็ยังเจ็บแผลอยู่
"แหม ไม่ต้องรีบพูดก็ได้ ฮ่ะฮ่ะ"ไคหัวเราะเบาๆ

เขาไม่รู้ว่าไคคุยอะไรกับรุกิ แต่เจ้านั่นคงไม่มีอะไรเลวร้ายล่ะมั้ง ตัวก็เล็กแรงก็น้อย โดนต่อยเป็นว่าเล่น แต่กลับมีเสียงที่น่าหลงใหล เขานอนคิดเพลินๆ ขณะนอนแช่ในอ่างหรูหรา

แล้วทำไมมันถึงได้บังเอิญแบบนี้นะ นี่มันเรื่องบังเอิญจริงๆ หรือโชคชะตากันแน่?

"ขอบคุณมากเลยนะครับ"รุกิเริ่มพูดได้โดยไม่เจ็บแผลแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอกครับ"ไคยิ้มกว้างอย่างพ่อพระ
"โดยเฉพาะคุณเรย์ตะเค้าช่วยผมสองครั้งแล้ว"รุกิว่าขึ้นอีก
"เอ๋? รู้จักกันมาก่อนเหรอครับ?"ไคเริ่มแปลกใจ ทำไมเรย์ตะไม่เคยเล่าอะไรเลยล่ะ
"อ๋อ เปล่าครับ ตอนนั้นผมโดนต่อย แล้วเขามาช่วยไว้ แต่ว่าเขาไม่ได้บอกชื่อเขาหรอกครับ"รุกิเล่าพลางยิ้มน้อยๆ
"เหรอครับ? ทำไมเขาไม่บอกผมนะ?"ไคเริ่มใจไม่ดี ทำไมชายคนนี้ถึงได้โดนต่อยบ่อยจัง
"เค้าอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ครับ"รุกิว่าอย่างเสียดาย
"แล้ว...แล้วทำไมคุณถึงโดน...เอ่อ..."ไคไม่กล้าพูด
"คือ...ผมไปทวงเงินจากเจ้าของร้าน เค้าเบี้ยวไม่จ่ายให้ผมมาสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ครั้งที่สามที่ผมมาร้องเพลงให้ แต่เขาก็ไม่ยอมจ่าย เขาเลยลากผมมาหลังร้านแล้วรุมซ้อมผมน่ะ"รุกิเล่าอย่างหดหู่
"ทำไมไม่ย้ายร้านซะละ"ไคถามอย่างสังเวช
"ผมไม่ได้อยากทำงานร้องเพลงเท่าไหร่หรอก พอดีเขามาติดต่อผมให้ผมไปร้องเพลงให้ร้านเขา แล้วเขาจะจ่ายวันละ 5,000 เยน แต่สามวันแล้วเขาก็ไม่จ่าย"รุกิว่ายังคงรู้สึกแค้น
"แล้วไม่ไปทำงานอย่างอื่นล่ะครับ"ไคเสนอไปอีก
"ผมโดนไล่ออกมา 8 ที่แล้ว"
"หา? เอ่อ..."ไคอึ้ง ไม่รู้จะเห็นใจ สงสาร หรืออะไรดี แต่ก็ไม่กล้าถามถึงสาเหตุเหมือนกัน
"อืม ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า ถ้ามีโอกาส ผมจะกลับมาตอบแทนที่ช่วยผมไว้นะครับ"รุกิว่าพลางลุกขึ้น
"อ๊ะ เดี๋ยวผมไปส่ง"
"อะ ไม่เป็นไรครับๆ ไม่เป็นไรจริงๆ ผมรบกวนคุณมากพอแล้ว"รุกิยิ้มกว้าง ก่อนจะโค้งให้ แล้วเดินออกจากบ้านไป
"ไม่เป็นไรจริงๆนะครับ"ไคลุกขึ้นตะโกนถาม แล้วรุกิหันมายิ้มรับก่อนจะโบกมือลา

แล้วเขาก็เดินกลับมาที่โซฟาเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว
"อาบเสร็จแล้วเหรอ กำลังจะไปอาบด้วยพอดี"ไคยิ้มกว้าง
"เสร็จแล้ว"เขายิ้มรับ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปจับแก้มตอบๆของไค
"เออ นี่...เจ้านักร้องนั่นบอกว่านายเคยช่วยเขาไว้ครั้งหนึ่ง จำไม่ได้เหรอ?"ไคถามพลางยกมือขึ้นมาจับมือเขาที่จับแก้มไคอยู่
"เอ๋...จำไม่ได้"เขาทำทีไม่รู้เรื่อง ถึงแม้ว่าจะจำได้ดีกระทั่งชื่อเลยล่ะ
"งั้นก็ช่างมันเถอะ นายนี่เป็นคนดีจังเลยนะ"ไคยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินไปอาบน้ำจริงๆ

เขานั่งลงตรงโซฟา...ฉันไม่ได้เป็นคนดีแบบนั้นหรอก...แต่ทำไมถึงได้ช่วยนะตอนนั้นน่ะ...ก็แค่บังเอิญเจอไม่ใช่เหรอ? แต่เอ๊ะ...หมอนั่นมันจำเราได้จริงๆด้วย

ปิ๊น...เสียงแตรรถที่ดังจากหน้าบ้าน เขาแปลกใจ พี่ชายของไคงั้นเหรอ? แล้วบีบแตรทำไมกัน เขาวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน

แกร๊กๆ...ๆๆเคร้งๆ....รุกิกำลังพยายามเปิดประตูใหญ่ที่ล้อมรอบทั้งบ้านอยู่

"นายเป็นใคร"ชายคนนั้นเดินลงจากรถแล้วถามรุกิที่กำลังเปิดประตูจากในบ้าน ทำเอารุกิสะดุ้ง แล้วหยุดการกระทำทันที
"อ่ะ...เอ่อ..."รุกิอึ้ง รู้สึกกลัวกับชายท่าทางภูมิฐานคนนี้
"เอ่อ ขอโทษครับ เขาเป็น..."เรย์ตะที่วิ่งมาเจอพอดี โพล่งขึ้น
"เป็นใคร?"พี่ชายไคถามเสียงดุดัน
"คือว่า เมื่อกี้ผมไปกินข้าวนอกบ้านกับไคแล้วเจอเขาโดนทำร้าย...แล้ว...ไคก็..ช่วย"เขาไม่รู้จะเล่ายังไงดี
"เข้าใจละ ทำไมต้องอ้างชื่อน้องชายฉันด้วยล่ะ ฉันไม่ว่าอะไรนายซักหน่อย ถ้านายจะเป็นคนดีน่ะ"พี่ชายไคว่าก่อนจะเดินกลับไปที่รถ
"ผมขอโทษครับ"รุกิว่า เรย์ตะส่ายหัวก่อนจะเปิดประตูให้พี่ชายไคขับรถเข้าบ้าน
"รีบไปสิ รุกิ"เขาเอ่ยกับรุกิเบาๆ.....
"คะ...ครับ"แล้วรุกิก็รับคำอย่างประหม่า ก่อนจะหันหน้ากลับมามองเขา
"อะไรอีกเล่า?"เขาว่าไปอย่างไม่พอใจ
"คุณจำผมได้...คุณเรียกชื่อผม"รุกิว่าพลางยิ้มกว้าง
"เอ่อ...เออ รีบไปซะ"แล้วเขาก็ทำทีไล่ ให้ตายสิ เสียฟอร์มขนานแท้เลย รุกิหันมายิ้มร่า ก่อนจะเดินกะเพลกๆออกจากบ้านเขาไป

เช้าวันนี้ ไคกับเรย์ตะก็ออกไปทำงานเหมือนเดิม โดยมีข้อสนทนาในเช้านี้เป็นเรื่องของรุกิ ที่ได้เล่าให้ไคฟังเมื่อวาน และไคได้นำมาเล่าให้กับเขาฟังทั้งหมด ไม่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ประหลาดใจ หรืออะไรทั้งนั้นออกมาจากใบหน้าของเขา ก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหนานี่....

"ฉันเสียดายเสียงเขานะ"ไคว่าขึ้นมา หลังจากเล่าจบ
"เหรอ"เขารับคำเท่านั้น
"อ๊ะ ฉันลืมถามชื่อเลย"ไคโพล่งขึ้น
"คุยกันตั้งนานเนี่ยนะ ฮ่ะฮ่ะ"เขาหัวเราะน้อยๆออกมา ถึงเขาจะจำชื่อเจ้านั่นได้ แต่ก็ไม่บอกไคออกไป.....

เมื่อถึงที่ทำงาน ไคได้แยกไปทำงานในส่วนของตัวเอง ส่วนเขา เดินเข้าห้องทำงานอย่างมาดมั่น เหมือนทุกวัน และพบว่าหัวหน้าเขากำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่ด้วยใบหน้าวิตกกังวลและจริงจัง
"เรย์...ตะ"หัวหน้าเรียกเขาด้วยเสียงทุ้มต่ำ และเนิบนาบ
"ครับ"
"ฉันว่า ฉันกำลังจะมีงานพิเศษให้นายทำอีก แต่ว่าไม่ต้องรีบร้อน ให้เราได้เสียอะไรไปก่อนก็ได้...แล้วค่อยจัดการ ไม่งั้นมันจะน่าสงสัย"
"ครับ"เขารับคำ ก่อนจะนั่งลงตรงที่ของเขา
"หึหึ..."จากนั้นเขาก็ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะในลำคอของหัวหน้าของเขาอย่างเยือกเย็นจนเขาคิดว่า แอร์ในห้องนี้มันไม่จำเป็นเลย....

นี่น่ะเหรอ พี่ชายที่แสนดีของไค...เขาก้มหน้าอย่างรู้สึกสังเวช ถึงยังไงตัวเขาเองก็เลวไม่ต่างกัน

วันนี้ไคทำงานอยู่เลท ทำให้เขาต้องกลับบ้านก่อน ไม่บ่อยที่เขาจะได้กลับบ้านคนเดียว แต่ก็ไม่แปลกเหมือนกัน ปกติแล้วถ้าไม่ได้กลับกับไค เขาก็จะไปซ้อมยิงปืน แต่วันนี้เขารู้สึกไม่อยากจับปืนเท่าไหร่ ตั้งใจจะขับรถกลับบ้าน แล้วลองคิดอะไรเพลินๆ เล่นๆ . ...นอกจากไคแล้วก็ไม่มีใครอีกที่จะทำให้เขามีความสุขได้ แม้แต่พี่ชายของไค ถ้ากลับบ้านไป ตอนนี้ก็ต้องอยู่คนเดียวมันก็คงจะน่าเบื่อ เขาก็เลยขับรถเลี่ยงออกมายังนอกเมือง

ถนนที่ทอดยาว ที่มองไปแล้วเหมือนกับมันไม่มีที่สิ้นสุด ข้างทางที่เป็นแมกไม้ ที่มันทำให้เขารู้สึกร่มรื่นอย่างบอกไม่ถูก เขาจอดรถไว้ข้างทาง ก่อนจะเดินลงจากรถแล้วเดินเล่นอยู่ข้างถนน ที่พอจะมีที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ

ถ้าหากว่าเขาไม่ได้มาอยู่บ้านหลังนี้...เขาคงไม่ได้เป็น...เป็นอะไรบางอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่กล้าใช้คำศัพท์นั้นมาบัญญัติกับตัวเอง มันเลวร้ายเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม้เขาจะหยุดมันก็ช่วยลบล้างมือเขาที่เปื้อนเลือดไปแล้วไม่ได้อยู่ดี

แต่ถ้าคิดอีกที...เขาก็คงไม่ได้มารู้จักกับไค ชายหนุ่มบริสุทธิ์ ผู้เป็นดั่งพ่อพระที่คอยช่วยเหลือเขาทุกอย่าง อยู่ข้างเขา เป็นเพื่อนทีดีที่สุดสำหรับเขา ชีวิตของเขาเกิดมาเพื่อสิ่งเหล่านี้ คงจะมีอยู่แค่นี้ ชีวิตที่ถูกกำหนดด้วยคำว่า โชคชะตา

เอี๊ยดดด!!!

แล้วเสียงรถเบรคก็ดังกังวาลทำให้ความคิดเขาหยุดชะงัก...

To be continue

Comments

© Masoul's BLOG. All Rights Reserved. Designed by HTML Codex